ในตำราแพทย์แผนโบราณมีการใช้โสมรักษาโรคต่างๆ
มากมาย เช่น รูมาติซึม ท้องผูก ระบบทางเดินอาหาร ความดันโลหิตสูง แก้เครียด
และสามารถบำบัดอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
ในโสมนั้นมีการวิจัยโสม ซึ่งมีสารจินเซ็นโนไซต์ พบว่ามีผลต่อการทำงานของสมองและระบบประสาทส่วนกลาง , ระบบหัวใจและหลอดเลือด , ระบบภูมิคุ้มกัน , การอักเสบและภูมิแพ้ , ลดระดับน้ำตาลในกระแสเลือด , ต้านเซลล์มะเร็ง
การได้จะได้รับประโยชน์จากโสมนั้นก็ขึ้นอยู่กับการทานด้วย
คือ
ควรทานโสมตอนท้องว่าง และการกินโสมควรเลี่ยงอาหารบางอย่าง
แต่ถ้าจะให้ดีต้องกินหลังโสมประมาณ 3 ชั่วโมง
อาหารเหล่านั้นได้แก่ ผลไม้ที่มีกรดสูง น้ำผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น น้ำมะนาว
น้ำส้มคั้น และห้ามกินวิตามินซีร่วมกับโสม
เพราะจะไปทำลายฤทธิ์ที่ร่างกายจะได้รับจากโสม
การทานโสมกับยาแพทย์แผนปัจจุบัน ควรจะเว้นหลังทานยาไป 2 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็สามารถทานโสมได้ จะเป็นผลดีกว่าทานพร้อมกัน
การทานโสมกับสมุนไพรจีน เป็นสิ่งที่ต้องระวังการต้านฤทธิ์กัน
ถ้าสมุนไพรจีนนั้นมีฤทธิ์คล้ายๆ กันก็ทานร่วมกันได้ แต่ถ้ามีฤทธิ์ที่ต่างกันก็ไม่ควรที่จะทานร่วมกัน หรือถ้าไม่แน่ใจในฤทธิ์ยาก็ควรสอบถามกับผู้ขาย เช่น ร้านขายยาจีน เภสัชกร
ผู้ที่ควรได้ทานโสม
ได้แก่
1.ผู้ที่ขาดสมรรถภาพทางร่างกาย
2.ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ
ขาดกำลัง
3.ผู้ที่ขาดความกระปรี้กระเปร่า
4.ผู้ที่ไม่สามารถควบคุมสมาธิ
5.ผู้ที่มีความเครียด
โสมก็สามารถทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ เพราะโสมนั้นเป็นสมุนไพร แม้แต่คนท้องก็สามารถทานได้ และถึงแม้ว่าโสมจะเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
แต่ถ้าทานมากเกินไป หรือน้อยเกินไปก็ไม่ดี ควรจะมีในระดับกลางๆ จะดีที่สุด
เพื่อความสมดุลของร่างกาย ตามหลักของชาวจีน หยิน หยาง และขึ้นอยู่สภาพร่างกายของแต่ละคนว่าร่างกายสามารถรับคุณประโยชน์ของโสมได้มากน้อยเพียงใด
janejira suwanimsakul ได้อนุญาตให้ใช้ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบแสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ต้นฉบับ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น